วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

น้ำหอม


น้ำหอม
น้ำหอม คือ สารละลายหอมระเหยทำจากน้ำมันกับแอลกอฮอล์ มีกลิ่นที่สกัดมาจากดอกไม้ในธรรมชาติหรือกลิ่นที่สังเคราะห์ขึ้นมาผสมอยู่ ใช้ทาหรือพ่นตามเสื้อผ้า หรือร่างกาย น้ำหอมจะระเหยออกมาพร้อมกับส่งกลิ่นหอมชวนดมออกมาด้วย มีหลายกลิ่น บางกลิ่นเกิดจากการนำกลิ่นดอกไม้หลายชนิดมาผสมกัน มีการผลิตบรรจุขวดขายหลายยี่ห้อ เช่น CK , DKNY , LACOSTE , Ralph Lauren ฯลฯ ส่วนน้ำหอมปรับอากาศในรถยนต์ อาทิเช่น BALDINY
ประวัติของน้ำหอม
   ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ ต้นกำเนิดของ "น้ำหอม" อยู่ที่ประเทศอียิปต์โบราณ แต่ในสมัยนั้นเรียกว่า " เครื่องหอม " จะดีกว่า คงยังไม่ใช่น้ำหอมเสียทีเดียว โดยชาวอียิปต์ใช้เครื่องหอมเหล่านี้ในพิธีบูชาเทพเจ้า วิธีการของพวกเขาก็คือ นำพวกพืชที่มีกลิ่นหอมมาเผาให้เกิดควันลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า
ต่อมาชาวกรีกได้รับอิทธิพลนำมาประยุกต์ใช้ในการอาบน้ำ กล่าวคือมีการนำน้ำมัน และขี้ผึ้งมาทาตัวหลังอาบน้ำเสร็จ นอกจากนี้ในพิธีศพยังมีการใช้เครื่องหอมทาตัวผู้ตาย และนำน้ำหอมส่วนตัวของผู้ตายไปฝังพร้อมกับร่างอันไร้วิญญาณของเขา ชาวโรมันเองก็รับเอาธรรมเนียมการใช้น้ำหอมมาปฏิบัติด้วย มีการพัฒนาส่วนผสมของน้ำหอม แต่ละชนิดเพื่อใช้ในพิธีต่าง ๆ เช่น พิธีทางศาสนา พิธีฝังศพ หรือใช้ในชีวิตประจำวัน เป็นต้น 
 
วิวัฒนาการด้านการปรับปรุง "น้ำหอม" เริ่มเป็นที่แพร่หลายในยุโรปช่วงต้นศตวรรษที่ 14ในยุคเรเนสซองส์ วัฒนธรรมการประพรมน้ำหอมถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของชนชั้นสูงในราชสำ นักและพวกที่มีฐานะทางสังคมเมื่อวันเวลาผ่านไปมนุษย์มีความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีมากขึ้นการ ใช้ "น้ำหอม" ได้แพร่หลายไปสู่สามัญชน อุตสาหกรรมน้ำหอมเกิดขึ้นเมื่อประมาณศตวรรษที่ 18และแหล่งกำเนิดก็ไม่ใช่ที่ไหน หากแต่เป็นประเทศฝรั่งเศสที่เรารู้จักเป็นอย่างดีนั่นเอง เมืองกราสซ์ในแคว้นโพรวองซ์ ของฝรั่งเศส ถือเป็นแหล่งวัตถุดิบในการผลิตน้ำหอมที่ขึ้นชื่อที่สุดในโลก และจวบจนกระทั่งปัจจุบัน ฝรั่งเศสก็ยังคงเป็นศูนย์กลางการผลิตน้ำหอมของโลกอยู่ ตลาดน้ำหอมในปัจจุบันมีการแข่งขันกันสูงขึ้น หลาย ๆ ประเทศในยุโรปอย่าง อิตาลี เยอรมนี รวมถึงอเมริกา และออสเตรเลียต่างก็พยายามแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดแล้วก็มีแบรนด์ดังจากประเทศเหล่านี้จำนวนไม่น้อยทีเดียวที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค
   
โดยส่วนใหญ่แล้วน้ำหอมขวดหนึ่งจะประกอบไปด้วยน้ำ และแอลกอฮอล์ เป็นหลัก แต่ที่สำคัญคือหัวน้ำหอม โดยหัวน้ำหอมนี่เองที่เป็นตัวจำแนกประเภทของน้ำหอม ซึ่งหลัก ๆ แล้วมีอยู่ 4 ประเภท
1. Perfume จะมีหัวน้ำหอมประมาณ 20 ถึง 40 %
2. Eau de Parfum
จะมีหัวน้ำหอมประมาณ 10 ถึง 20 %
3. Eau de Toilette
จะมีหัวน้ำหอมประมาณ 5 ถึง 10 %
4. Eau de Cologne
จะมีหัวน้ำหอมประมาณ 2 ถึง 3 % ตลาดน้ำหอมในประเทศไทย
      ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่มี นโยบายเศรษฐกิจสนับสนุนการแข่งขันทางธุรกิจ อย่างเสรี ดังนั้นสินค้าน้ำหอมจึงสามารถดำเนินกลยุทธ์การตลาดต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย การจำแนกตลาดน้ำหอมในประเทศไทยสามารถจำแนกได้ 2 ประเภทใหญ่ๆ ตามลักษณะของการวางตำแหน่งสินค้าในตลาด คือ 1. น้ำหอมในตลาดระดับบน ได้แก่ น้ำหอมแบรนด์เนม ที่มีชื่อเสียงต่างๆ โดยตลาดน้ำหอมในส่วนนี้ส่วนใหญ่จะเป็นน้ำหอมที่นำ เข้าจากต่างประเทศ ซึ่งจะวางภาพลักษณ์ของตัวสินค้าไว้เป็นอย่างดี และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น น้ำหอม CK one ของ Calvin Kline จะเน้นความหรูหราที่ทุกคนสัมผัสได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศชายหรือเพศหญิง(Unisex) ซึ่งการสร้างภาพลักษณ์ของสินค้าดังกล่าวเป็น ส่วนหนึ่งของการเพิ่มมูลค่าของสินค้าทำให้สามารถตั้งราคาได้สูง น้ำหอมที่จำหน่ายในตลาดนี้จะเป็นชนิด Eau de Perfume และ Eau de Toilet และใช้วัตถุดิบส่วนใหญ่จากธรรมชาติ
2. น้ำหอมในตลาดมวลชน น้ำหอมในตลาดส่วนนี้จะวางลูกค้ากลุ่มเป้าหมายไว้กว้าง ๆ เช่น กลุ่มวัยรุ่นชาย กลุ่มวัยรุ่นหญิง หรือกลุ่มสาวทำงาน เป็นต้น ซึ่งกลยุทธ์การทำตลาดของสินค้า จะเน้นให้รู้สึกถึงความจำเป็นที่จะต้องใช้ผลิตภัณฑ์น้ำหอม ซึ่งน้ำหอมในตลาดนี้จะเป็นชนิด Eau de Cologne หรือในรูปแบบของสเปรย์ระงับกลิ่นต่างๆ และใช้วัตถุดิบส่วนใหญ่จากสารสังเคราะห์ โดยการนำเข้าจากต่างประเทศเป็นหลัก น้ำหอมชนิดเติม : การตลาดรูปแบบใหม่ 
นอกจากประเภทของตลาดน้ำหอมดังกล่าวปัจจุบัน ยังมีรูปแบบการจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำ หอมอีกประเภทหนึ่ง โดยนำหัวน้ำหอมซึ่งนำเข้าจากต่างประเทศมาจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภคในรูป แบบน้ำหอมชนิดเติมโดยคิดราคาเป็นมิลลิลิตร (ซี.ซี.) ซึ่งเป็นหัวน้ำหอมที่ทำมาจากสารสังเคราะห์ราคาย่อมเยา น้ำหอมหลากหลายกลิ่นให้เลือก โดยแต่งกลิ่นเลียนแบบน้ำหอมแบรนด์เนมซึ่งนับ วันธุรกิจรูปแบบนี้จะยิ่งขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ดังจะเห็นร้านประเภทนี้ได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่ว ไป หรือตลาดนัดต่างๆ
ประโยชน์
การวิจัยมากมายที่แสดงว่าน้ำหอมมีผลต่อคนเราโดยตรงโดยอาจจะลดความเครียด จนถึงการเพิ่มความรู้สึก (Mood) และยังพบว่าน้ำหอมจะทำให้การหลับของเรามีคุณภาพมากยิ่งขึ้น และอาจจะปลุกความทรงจำที่เราอาจจะลืมเลื่อนไปได้ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
1. Stree Reduction (การลดความเครียด)
การวิจัยพบว่าการใช้น้ำหอมในคนเราสามารถช่วยลดความเครียดได้นักค้นคว้าที่Sloan Kettering Cancer ที่ New York ได้พบว่าน้ำหอมลดอาการเครียดของคนไข้ที่ได้รับอาการจาก Megnatic -resonance imaging (MRI) จากการทดลองให้คนไข้ได้รับกลิ่นน้ำหอมทำให้ลดอาการที่ว่าไปได้ถึง 63%
2. Quality of Sleep (
การหลับอย่างมีสุข)
การวิจัยโดย Dr. Peter Badia จาก Bowling Green State University, Department of Psychology ได้ผลการวิจัยออกมาเป็น2 หัวข้อใหญ่ เพื่อศึกษาว่ากลิ่นมีผลต่อการนอนของคนเราหรือไม่ ซึ่งพบ ว่า พฤติกรรมและจิตใจเราขณะหลับยังสามารถรับรู้ถึงกลิ่นต่างๆ ได้ เป็นอย่างดี แล้วในการทดสอบต่อโดยการให้ผู้ทดลองได้รับกลิ่น มะลิ เปเปอร์มินท์ และไม่ได้รับกลิ่น ผลปรากฏว่าว่า กลิ่นมะลิจะทำให้ผู้ทดสอบติ่นขึ้นมาอย่างสบายตัว เปเปอร์มินท์ จะทำให้รู้สึกว่าตื่นขึ้นมาอย่างผวา ซึ่งจากการวิจัยแสดงให้เห็นว่าการได้กลิ่นระหว่างการนอนหลับมีต่อการหลับได้ เป็นอย่างดี
3. Memory (
ความทรงจำ)
เป็นการตอบสนองที่น่าทึ่งที่สุดที่ได้จากน้ำหอม ทุกคนจะมีประสบการณ์เกี่ยวกับความรู้สึก ไม่ว่าจะดีหรือร้าย หลังจากได้กลิ่นน้ำหอมต่าง ๆ กัน เช่น กลิ่นของรถคันใหม่เอี่ยมที่คุณพึ่งถอยออกมาจากห้าง ซึ่งประสบการณ ์เหล่าเกิดขึ้นจากการได้กลิ่นเพียงครั้งเดียว
Dr. Trygg Engen, professor of psychology at Brown University
พบว่าความสามารถใน การจำกลิ่นของคนเรามีมากกว่าความสามารถในการจำภาพที่เราเห็น คนเราจะสามารถจำ กลิ่นได้แม่นยำเกือบ 65% ภายในระยะเวลาหนึ่งปี เทียบกับการจำภาพแค่ 50% ในเวลาแค่ 4 เดือน ซึ่งเป็นผลมาจากส่วน ประสาทในสมอง " memory bank " ซึ่งการรับกลิ่นของคนเราจะถูกควบคุม โดยLimbic System ซึ่งเป็นระบบที่ควบคุมความรู้สึก (Emotion)และการตอบสนองทางเพศ, ศิลปะและอื่นๆ ซึ่ง Limbic System จะเก็บรวบรวมความรู้สึกต่างๆที่เรามีประสบการณ์ไว้
น้ำหอมทำให้เรารู้สึก Sexy กระชับกระเชง แข็งแรง สะอาด มีความสุข อ่อนหวาน สร้าง สรรค์และความรู้สึกอื่นๆอีกมากมาย คนเราจะตอบสนองน้ำหอมกลิ่นต่าง ๆ ไปในแบบที่ต่างกันความเป็นไปได้ที่น้ำหอมจะมีผลต่อการตอบสนองนั้นไร้ขีดจำกัด กลิ่นต่าง ๆ ที่จะสัมผัสได้ หรือไม่ได้ได้เข้ามา อยู่ในชีวิตประจำวันของเรา คนเป็นล้านอาจจะต้องตายไปถ้าไม่สามารถได้กลิ่น ของควันไฟเมื่อเกิดเหตุไฟไหม้ เราใช้ความรู้สึกในการดมเพื่อแยกอาหารที่เสีย มนุษย์เราดังบรรพบุรุษของเราที่สามารถรับรู้ถึงกลิ่น ของพวกเราเอง และกลิ่นที่เกิดตามธรรมชาติ เช่น กลิ่นของต้นไม้ดอกไม้หรืออาหาร ซึ่งเป็นกลิ่นที่ถูกสร้างจากธรรมชาติและถูกออกแบบ ออกมาเป็นกลิ่นต่าง ๆ ที่เราสามารถพบในน้ำหอมที่มีขายทั่วไป
ฉีดพ่นให้ถูกจุด การใส่น้ำหอมต้องเป็นความรู้สึกหรือประสบการณ์ที่น่ารื่นรมย์ ระยะ ห่างในการฉีดประมาณ 6 นิ้วจากตัวคุณ จุดสำคัญที่ต้องฉีดน้ำหอม ได้แก่ ลำคอ บนแขน และที่ด้านหลังหัวเข่าอีกนิดหน่อย เพราะอย่าลืมว่ากลิ่นหอมมักจะลอยตัวขึ้นด้านบน การฉีดน้ำหอมเล็กน้อยที่ด้านหลังหัวเข่า จะให้ผลลัพธ์ความหอมแบบ "ทั่วเรือนร่าง" อย่างแท้จริง และอีกจุดคือ ฉีดน้ำหอม ไปในอากาศด้านหน้า และ "เดินผ่าน" ละอองน้ำหอม (อย่าลืมหลับตา! ขณะเดินผ่าน) จะทำให้ละอองน้ำหอมติดกระจาย อยู่บนเส้นผมคุณด้วย
**
เทคนิคการเติมน้ำหอมในระหว่างวัน การเติมน้ำหอมระหว่างวัน ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นและลักษณะพิเศษ (คาแรคเตอร์) ของน้ำหอมแต่ละชนิด เช่น น้ำหอมที่มีพื้นฐานของกลิ่นพรรณไม้ตะวันออก ( Oriental & Woody) มักจะติดทนนานกว่ากลิ่นหอมจากดอกไม้หรือผลไม้ ( Floral & Citrus) หรือน้ำหอม Eau de Parfum จะมีกลิ่นน้ำมันหอมที่เข้มข้นกว่า Eau de toilette หรือ Cologne ก็จะกลิ่นติดทนนานกว่า แต่จุดที่สำคัญที่ต้องระลึกไว้เสมอ คือ น้ำหอมที่ดีมีคุณภาพจะถูกพัฒนาคิดค้นให้กลิ่นติดทนนาน และมีคาแรคเตอร์เฉพาะตัวที่น่าสนใจ ซึ่งหลังจากฉีดครั้งแรกกลิ่นจะติดอยู่นานอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง ก่อนที่จะต้องเติมอีกครั้ง
โน้ตของน้ำหอม
เมื่อเปิดจุกน้ำหอมหรือแต้มกับผิว เราจะได้กลิ่นนำ (TOP NOTE) เป็นกลิ่นสดชื่นจะจางหาย ไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเราจะได้กลิ่นกลาง (MIDDLE NOTE) เมื่อกลิ่นนำระเหยไปหมด แล้ว กลิ่นกลางนี้จะเป็นกลิ่นเนื้อแท้ของน้ำหอมและหลังจากนั้นจะได้กลิ่นหลัก (BASE NOTE) ซึ่งประกอบด้วยส่วนผสมที่ระเหยยาก เช่น MUSK VANILLA SANDALWOOD กลิ่นหลักนี้จะติดทนที่สุด
จำแนกกลิ่น 
ตัวอย่างการระบุกลิ่นของนักดมน้ำหอม พวกเขาได้จำแนกกลิ่นหอมออกเป็น 9 กลุ่ม ได้แก่ 1. Citrus กลิ่นสด ซ่าน ในกลุ่มส้ม มะนาว
2. Aromatic
กลิ่นหอมจากพืชพันธุ์ต่างๆ
3. Floral
กลิ่นหอมจากดอกไม้
4. Green
กลิ่นหอมสดชื่นจากใบไม้ ใบหญ้า
5. Fruity
กลิ่นหอมหวานของผลไม้
6. Spicy
กลิ่นหอมร้อนแรงของเครื่องเทศ สมุนไพร
7. Woody
กลิ่นหอมทึบ สุขุม มั่นคง
8. Powdery
กลิ่นหอมนวลเนียน
9. Animal
กลิ่นจากสัตว์
วิธีการเก็บรักษา
1. เก็บรักษาที่อุณหภูมิประมาณ 27 องศาเซลเซียส (อุณหภูมิห้อง)
2. ห้ามโดนอุณหภูมิเกิน 30 องศาเซลเซียส แม้จะเป็นเวลาเพียงเล็กน้อย
Top 5 น้ำหอม ยอดนิยม สำหรับผู้หญิง (Top 5 Most popular fragrance for women)

1.
น้ำหอม brandname: Calvin Klein Eternity women
คาลวิน ไคล์น อีเทอนิตี้ กลิ่นหอมเย้ายวนใจโดดเด่นด้วยกลิ่นลิลลี่ กลิ่นหอมแบบลึกล้ำและมีเสน่ห์ ของหญิงสาว พร้อมที่จะมอบประสบการณ์ความหอมสดชื่นแบบใหม่ที่แสนโรแมนติก ตึงตราใจ ดึงดูดให้ผู้คนรอบกาย สุภาพบุรุษทั้งหลาย ได้หลงใหลให้เข้ามาใกล้ได้แบบไม่รู้ตัว
2. น้ำหอม brandname: Ralph Hot Perfume By Ralph Lauren
RALPH Hot
สานความหอมต่อจาก RALPH Cool จากแบบฉบับของสาวเปี่ยมเสน่ห์ดูมั่นใจ และมาดมั่น เป็นน้ำหอมในแนวกลิ่นกูร์มองด์ กลิ่นแรกของราล์ฟ ลอเรน มิติใหม่ของน้ำหอมนี้เกิดจาก การผสมผสาน อันน่าค้นหาของกลิ่นหอมเย้ายวนของมอคคาครีม กลิ่นหอมเผ็ดร้อนของอบเชย และกลิ่นหอมหวานฉ่ำของเมเปิ้ล

3.
น้ำหอม brandname: Burberry Brit for Women
น้ำ หอมมีกล่องพร้อมซีลในแนว Fresh Fruity Floral ด้วยส่วนผสมธรรมชาติจากผลไม้และดอกไม้หอมนานาพันธุ์
4. น้ำหอม brandname: DKNY Be Delicious Shine Eau de Parfum
ผลิตภัณฑ์ที่มาใหม่ในกลุ่ม The Big Apple ของ DKNY Be Delicious. DKNY Delicious Shine ภาพลักษณ์ใหม่ที่สดใสให้กับ DKNY Be Delicious เกรพฟรุตที่ให้พลังงานซึ่งทำให้ DKNY Be Delicious มีกลิ่นที่มีลักษณะโดดเด่น โดยเฉพาะ แต่นี้จะทำให้น่าสัมผัสยิ่งขึ้น ด้วยกลิ่นผลไม้ ที่มอบความรู้สึกถึงความชุ่มฉ่ำทำให้ได้กลิ่นแอปเปิ้ลอเมริกัน ที่มีความสดใหม่สัมผัสต่อมาเป็นกลิ่น หอมของดอกมูเก้ที่ชุ่มน้ำค้าง กุหลาบและไวโอเล็ต แล้วสัมผัสหอมของพันธุ์ไม้จากต่างประเทศ และ อำพันที่อบอุ่นชวนหลงใหล
5. น้ำหอม brandname: Estee Lauder Pleasures for women EDP
น้ำหอมที่ให้กลิ่นหอมอ่อนๆ โดยเน้นถึงการเล่นระดับของกลิ่นหอมที่มีอยู่อย่างลงตัว เหมาะกับคุณผู้หญิงที่ชอบแนวกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ สบายๆ กลิ่นหอมบางเบา เริงร่า มีชีวิตชีวา เรียบง่าย เป็นน้ำ หอมในโทนกลิ่นหอมอ่อนๆ แบบ Sheer Floral ของดอกไม้อบอุ่นภายใต้แสงแดดอ่อน
Top 5 น้ำหอม ยอดนิยม สำหรับผู้ชาย (Top 5 Most popular fragrance for Men)

1.
น้ำหอม brandname: Bvlgari Extreme Pour Homme
กลิ่นหอมแบบฉบับสำหรับผู้ชายเป็นน้ำหอมที่มีกลิ่นหอมซึ่งคัดสรรมาจากส่วนผสมของชาดาร์จีริง โดยเพิ่มความร้อนแรงของเหล่าเครื่องเทศ และชะมด เข้าไปผสมผสาน
2. น้ำหอม brandname: Calvin klein CK Be
น้ำหอมกลิ่นหอมแนว sport man นิดๆช่วยสร้างเสน่ห์ให้กับตัวคุณเองได้ในทุกๆวันไม่มีเบื่อCk be ให้กลิ่นหอมที่ทำตัวคุณเองและผู้คนรอบกาย ได้รับถึงความสุขที่แสนสดชื่น มีชีวิตชีวา มากยิ่งขึ้น กลิ่นหอมในลักษณะนี้ที่ใครๆ ได้กลิ่น ได้สัมผัส เป็นต้องชอบและถูกใจมากๆ เลยทีเดียว

3.
น้ำหอม brandname: Jean Paul Gaultier Le Male
สำหรับฤดูใบไม้ร่วง LE MALE แต่งกายด้วยชุดแนวสปอร์ตแวร์ ซึ่งเข้ากระแสแฟชั่น ยิ่งกว่าเคย ได้ รับแรงบันดาลใจจากงานแสดงแบบเสื้อบน รันเวย์ของฌอง ปอล โกลติเยร์ น้ำหอมผู้ชายกลิ่นแรกโดย ฌอง ปอล โกลติเยร์สวมชุดประดาน้ำขนานแท้ตัดเย็บจากวัตถุดิบ neoprene แนบเนื้อประดุจเป็นผิวที่สอง ซึ่งสามารถถอดออกได้ แต่งเติมรายละเอียดอย่างฮูดที่แผ่นหลัง และโลโก้สัญลักษณ์ของแบรนด์ด้วยงาน ฝีมือระดับห้องเสื้อชั้นสูง ซิปหน้าถูกรูดเปิดค้างลงมาทิ้งไว้อย่าง

4.
น้ำหอม brandname: Calvin Klein MAN EDT
น้ำหอมกลิ่นใหม่ของ CK ที่ทำให้ คุณสุภาพบุรุษ มีความมั่นใจน้ำหอมกลิ่นล่าสุด ด้วยแนวกลิ่น crisp spicy wood

5.
น้ำหอม brandname: Davidoff Cool Water Deep
กลิ่นหอมสำหรับผู้ชายที่มีชอบอิสระ เสรี และความสนุกสนานโดยเฉพาะ กลิ่นหอมที่ได้แรงจูงใจมอบความสดชื่นอันแสนสดใส เพิ่มความซาบซ่าได้ในแบบฉบับของสุภาพบุรุษตัวจริง กลิ่นของพรรณไม้นานาชนิดที่ ให้ความชุ่มช่ำหัวใจ







อ้างอิง
www.dek-d.com
www.wearecharming.com
www.xn----6xfb4ac0ddme7bf3yg3ch.blogspot.com
www.fragranzo.com/knowlage.html
www.lab.excise.go.th
www.iam.hunsa.com
brandnameguide.blogspot.com